
809 total views, 1 views today
**ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 1-5 พ.ย. 62 ที่ผ่านมานะคะ หลังจากกลับมาได้ไม่กี่วัน ณ ตอนนี้ขาวโพลนไปด้วยหิมะแล้วจ้าา**
ทริปนี้เราเที่ยวอยู่ในฮอกไกโดเป็นหลักค่ะ ช่วงฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่สวยมาก บรรยากาศเย็น ถึงหนาวเลยละจ้า เมืองสวย สมกับเป็นญี่ปุ่นจริงๆ แต่แพลนของเรา 4 วัน จะมีที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง ตามมาดูกันนนน!
สถานที่เที่ยว 4 วัน 3 คืนของเราในจังหวัดฮอกไกโด ก็คือ…
DAY 1 : เมืองโอตารุ
DAY 2 : หุบเขานรก (Jigokudani), นั่งกระเช้าไฟฟ้าอุสุซัง (Usuzan Ropeway), ภูเขาไฟโชวะ ชินซัง, สวนหมีภูเขาไฟโชวะชินซัน (Showa-Shinzan Bear Park), เดินเล่นย่านทะนุกิโคจิ (Tanuki Koji)
DAY 3 : Makomanai Takino, มาดูใบไม้เปลี่ยนสี สวนสาธารณะฮิราโอกะ และ Hokkaido University, บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างปู (Den) ฮอกไกโด
DAY 4 : หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower), สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park), ตลาดซัปโปโรโจไก (Sapporo Jogai Market)
และไอเท็มสำหรับเราที่ขาดไปไม่ได้สำหรับทริปนี้คือ “Uniren Spray” สเปรย์บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อแบบเย็น ต่อให้เราจะเดินเที่ยว เดินช็อปปิ้งเยอะแค่ไหน ก็หายห่วงเรื่องปวดขาไปได้เลย เพราะฉีดแล้วรู้สึกเย็น ไม่เลอะมือและไม่ต้องนวด เพราะตัวยาจะซึมและออกฤทธิ์เร็ว และที่สำคัญพกพาง่าย สะดวกมากๆ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไป, Boots และ Watson!
พร้อมแล้ว ตามมาดูรีวิวญี่ปุ่นกันเลย!


เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง บินตรงสู่สนามบินชิโตเซะ ฮอกไกโด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชม. ด้วยสายการบิน NokScoot ที่เพิ่งเปิดรูทใหม่ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ถึงประเทศญี่ปุ่น ตอน 12.15 น. จากนั้นเดินทางเข้าที่พักและทานอาหารกันก่อนค่ะ

ที่พักของเรา “APA Hotel & Resort Sapporo” เป็นโรงแรมค่อนข้างใหญ่ ห้องพักถือว่าโอเคเลย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ มีบ่อแช่น้ำร้อนกลางแจ้ง เช็คอินตอน 15.00 น. เช็คเอ้าท์ 11.00 น. มีที่จอดรถ
*** โรงแรมอยู่นอกเมือง อาจจะเดินทางไกลนิดนึงค่ะ ***


DAY 1
สถานที่แรก คือ การมาเยือน “เมืองโอตารุ” ฮอกไกโด ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆ ที่น่ารักมาก จุดแลนด์มาร์คที่ต้องมาถ่ายรูปเลย ก็คือ คลองโอตารุ นั่นเอง เค้าบอกว่า…สมัยก่อนเป็นคลองที่ตัดไหลผ่านใจกลางเมือง ซึ่งปัจจุบันมีการอนุรักษ์ไว้และหลงเหลืออยู่เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
และที่สำคัญคลองโอตารุแห่งนี้ ไม่ว่าจะถ่ายในฤดูไหนก็สวย ยิ่งถ้ามาในช่วงหิมะตก ฟินมากกกกก
การเดินทาง : หากใครอยู่ซับโปโรก็นั่งรถไฟจากสถานี Sapporo Station ไปลงสถานี Otaru Station ได้เลย https://goo.gl/maps/6UunGBFP7MZknUYH9



ภายในละแวกนั้น ก็มีสถานที่มากมายให้เราได้เดินเล่น ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ถนนซาไกมาชิ คาเฟ่ต่างๆ แต่เรามาแวะร้านไอศกรีม “Venetian Cafeteria” เป็นร้านขายไอศกรีมสายรุ้ง 7 สียอดฮิต อร่อยย รสชาติเข้มข้นมาก เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 18.00 น.



DAY 2
เราออกเดินทางเพื่อไป “หุบเขานรก Jigokudani” สถานที่ยอดฮิต ที่ต้องมีอยู่ในลิสต์ค่ะ เป็นสะพานไม้ทอดยาว วิวตรงหน้าคือภูเขาที่มีควันน้ำพุร้อนลอยออกมา กลิ่นกำมะถันก็จะแรงหน่อยๆ เกิดจากการที่ภูเขาไฟระเบิด บอกเลยว่า ทางเดินขึ้นมา เหนื่อยมาก! เดินไกลพอสมควรเลยค่ะ

เราเลยพกตัวช่วย “Uniren Spray” สเปรย์บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อแบบเย็น มาฉีดบริเวณน่องขาที่เราปวด ฉีดง่ายไม่เลอะมือ ไม่ต้องนวดเลยจ้า เพราะตัวยาจะซึมและออกฤทธิ์เร็วมาก สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไป, Boots และ Watson ควรมีพกติดตัวเอาไว้เลย สำหรับทริปที่เดินเยอะๆ



จากนั้นเราก็มาเที่ยวต่อกันที่ “นั่งกระเช้าไฟฟ้าอุสุซัง (Usuzan Ropeway)” กระเช้าจะขึ้นไปยอดเขาอุสุ เป็นการนั่งกระเช้าที่ฟินมาก เพราะวิวด้านบนสวยมากจริงๆ ค่ะ สามารถมองเห็นทะเลสาบโทยะและภูเขาโชวะชินซัน ราคาไป-กลับ ประมาณ 1,500 เยน เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น.

เมื่อกระเช้ามาถึงบนยอดภูเขาไฟอุสุ เราก็เดินต่อไปที่จุดชมวิวอีกประมาณ 600 – 700 เมตร ที่อยู่สูงขึ้นไปอีก แต่ระหว่างทางเดินไปคือวิวสวยมาก เลยหยุดถ่ายกันตรงนี้ค่ะ

มากระเช้าอุสุก็เดินเยอะอีกเช่นกัน เราเริ่มรู้สึกปวดขาเลยแวะพักเอา “Uniren Spray” สเปรย์บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อแบบเย็น ขึ้นมาฉีดแก้ปวดสักหน่อย ช่วยได้เยอะเลย มีแรงก็เดินต่อ พร้อมแล้วไป!
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงสถานี JR Toya station จากนั้นต่อแท็กซี่มาลงที่นี่เลย สะดวกสุดค่ะ https://goo.gl/maps/WPR6N8JpZU5enAu5A

จากนั้นไปต่อกันที่ “สวนหมีภูเขาไฟโชวะชินซัน (Showa-Shinzan Bear Park)”
น้องหมีน่ารักมาก ไม่ดุเลย ดูคุ้นชินกับคนสุดๆ ใครอยากใกล้ชิด ที่นี่เค้าก็มีอาหารให้ซื้อป้อนค่ะ เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น. ค่าเข้าประมาณ 850 เยนค่ะ


ตกเย็นเรามาเดินเล่นย่าน “ทะนุกิโคจิ Tanuki Koji” แหล่งช้อปปิ้งในเมืองซัปโปโร เรียกได้ว่า เป็นตลาดเก่าแก่ในย่านนี้เลย มีขายทุกอย่างทั้งอาหาร ของฝาก เครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า ฯลฯ. ในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่นี่ก็จะมีจัดงานอีเว้นท์มากมาย ผู้คนจะครึกครื้นอยู่ตลอด บอกเลยว่า สุโก้ยมากก!!

ดูอาหารแต่ละเมนูสิทุกค๊นนนน คือดีย์มากกกก กินจนตัวแตกไปข้าง!


DAY 3
“Makomanai Takino” ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองซัปโปโรเลย เป็นพุทธรูปตั้งอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ มีชื่อว่า อะตามะ ไดบุตสึ และนอกจากนี้ยังเป็นสุสานขนาดใหญ่ เพราะเนื่องจากสมัยก่อนชาวญี่ปุ่นไม่มีการฝังศพ แต่ใช้การเผาแทน จากนั้นจะซื้อที่ดินเอาไว้เพื่อเก็บรักษาอัฐิของตระกูล นั่นเอง
ค่าเข้าชมประมาณ 300 เยน เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น.



จากนั้นมาดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ “สวนสาธารณะฮิราโอกะ” เป็นสวนสาธารณะ ที่มีอุโมงค์ต้นเมเปิ้ลอยู่เรียงรายตลอดทางกว่า 800 ต้น ช่วงปลายเดือนต.ค. – ต้นเดือนพ.ย. จะเป็นช่วงที่ใบไม้ผลิสวยที่สุด! เข้าชมฟรี สวนเปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 17.00 น.
การเดินทาง : สามารถนั่งรถไฟใต้ดินสายสีส้ม ลงที่สถานี Oyachi Station จากนั้นต่อรถเมล์หรือแท็กซี่เลย




และมาฟินกับการถ่ายใบไม้เปลี่ยนสีกันต่อยาวๆ ที่ “Hokkaido University” ห่างจาก สวนสาธารณะฮิราโอกะ ประมาณ 10 นาที ที่นี่ก็เป็นจุดไฮไลท์อีกหนึ่งที่ของฤดูกาลใบไม้ผลิ เป็นดอกแปะก๊วยสีเหลืองอร่ามตลอดทาง มาถึงต้องถ่ายภาพอัพลงโซเชี่ยวรัวๆ ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในซีรี่ย์เลยค่ะ



ตบท้ายด้วยการกิน “บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างปู (Den)” ฮอกไกโด อาหารทะเลย่างให้เราทานแบบสดๆ เนื้อหวานมาก! บอกเลยว่า ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วต้องห้ามพลาดการมากินปูยักษ์ เด็ดขาด เพราะฮอกไกโดขึ้นชื่อเรื่องปูยักษ์ ของเค้าดีมากจริงๆ ค่ะ
ร้าน Den ที่เรามาทาน เป็นร้านยอดนิยมของคนไทย ซึ่งบุฟเฟ่ห์ร้านนี้จะมีให้เราเลือก 2 แบบ คือปิ้งย่าง กับ ชาบู เพราะนอกจากปูยักษ์แล้ว ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมายเลย
ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 17.00 – 21.00 น.
สำหรับใครที่จะไปแล้วกลัวไม่มีนั่ง สามารถทักไปจองกับทางร้านไว้ก่อนได้นะคะ https://www.facebook.com/japaneseden/
การเดินทาง : นั่งรถไฟใต้ดิน Nanboku Line มาลงที่สถานี Susukino Station ทางออก 5 จากนั้นแล้วเดินต่อมายังตึก ASIL SAPPORO 5*5 ชั้น 3 https://goo.gl/maps/3iHWvXy6wTVDu8Fw5
(ขอบคุณรีวิวการเดินทางจาก https://www.dplusguide.com/2018/7-king-crab-restaurants-in-sapporo-japan/ )

DAY 4
เช้าวันที่ 4 เรามาเที่ยวกันที่ “หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower)” หอนาฬิกาอาคารเก่าแก่ ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร ตั้งอยู่ในสวนธารณะโอโดริ ปัจจุบันนี้ด้านในกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายเกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองซัปโปโร
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 17.00 น. ค่าเข้าชมประมาณ 200 เยน


“สวนสาธารณะโอโดริ Odori Park” สวนนี้ตั้งอยู่ถัดจากหอนาฬิกามานิดเดียวเองค่ะ อยู่ใกล้ๆ กันเลย อยู่ในใจกลางเมือง เด่นมาก มีที่จอดรถ แถมยังเป็นสถานที่ฮิตในการจัดงานอีเว้นท์ในเทศกาลต่างๆ อีกด้วยค่ะ ตอนเย็นๆ มานั่งชิวที่นี่ได้เลย


ปิดท้ายทริปนี้กันที่ “ตลาดซัปโปโรโจไก (Sapporo Jogai Market)” ก่อนเดินทางเดินกลับไทยค่ะ ที่นี่เป็นแหล่งรวมอาหารสด ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซัปโปโปโร!!! และราคาไม่แพงเกินไป ไม่ว่าจะเป็น ปู ปลาแซลมอน หอยเม่น ฯลฯ. สามารถซื้อแล้วกินได้แบบสดๆ เลย เพราะทางร้านเค้าจะทำการจัดจานมาให้เราเรียบร้อย เราแค่เดินเลือก และจ่ายตังเท่านั้นเองจ้า ร้านค้าเปิดตั้งแต่ 06.00 น. – 17.00 น.


