
359 total views, 1 views today
แพลนขับรถเที่ยวญี่ปุ่น 6 วัน 5 คืน กับ 4 เมือง เที่ยวแบบชิวๆ กินดี อยู่ดี กับงบไม่เกินสองหมื่นห้า!!!…
**ราคายังไม่รวมค่าตั๋วเน้อออ**

อย่างที่บอกว่าเราเที่ยวกัน 4 เมือง Nagoya | Gero | Takayama | Nagano ทริปนี้ Road trip ขับรถไปเที่ยววันละ 2-3 ที่ และนอนเมืองละวัน หรือ 2 วัน สถานที่เที่ยวบางที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์ แต่พอไปถึงมันก็มีบางเหตุการณ์ที่ทำให้ไปโน่น นี่นั่น ไม่ได้ เราก็ปรับเปลี่ยนตามแพลนกันไป บอกเลยชุลมุนวุ่นวายแบบนี้ แต่สนุกมากกก…ถามว่าเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นยากมั้ย…ตอบเลยไม่ยากแต่!!! ต้องระมัดระวังเป็นอย่างดี เราและเพื่อนๆ น้องๆ เดินทางกันทั้งหมด 7 คน เช่ารถ 1 คัน พร้อมกระเป๋า 7 ใบ ยัง งงอยู่ทุกวันนี้ว่ามันอัดเข้าไปได้ยังไงง???? มาตามมา อยากเล่าแล้วววว จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันจ้า…

Day 1 : สนามบิน Nagoya – Oasis 21 – วัดโอสุคันนอน – Nabana no Sato –นอนที่ Nagoya
Day 2 : ขับรถจาก Nagoya – มาแช่ออนเซ็น นอนเรียวกังกันที่ Gero
Day 3 : จาก Gero – มาหมู่บ้าน Shirakawago เมืองในฝันที่ฉันอยากมา – นอน Takayama
Day 4 : เดินเล่นตลาดเช้า มิยากาวะ ที่ ทาคายาม่า – ขึ้น กระเช้าที่ Shinhotaka Ropeway – นอนที่ Takayama
Day 5 : ขับรถจาก Takayama – มา Nagano – Snow Dome Village – ศาลเจ้าโทงาคุชิ – พักที่ Hakuba
Day 6 : ขึ้นกอนโดล่า ไปจิบกาแฟบนเขาที่ Hakuba Happo- One Snow Resort – กลับ สนามบิน Nagoya
ทริปนี้เราเดินทางออกจาก กทม.ด้วยสายการบินไทย ลงนาโกย่า ถึงจะเป็นแบบ Economy แต่รวมทุกอย่างแล้ว ทั้งอาหาร เครื่องดื่มขอได้ตลอด เครื่องใหญ่ ที่นั่งกว้าง หนาวก็มีผ้าห่มให้กอด และใครที่ไม่ชอบนอนบนเครื่อง หน้าที่นั่งจะมีทีวี พร้อมหูฟังไว้ให้นั่งดูหนัง ฟังเพลงด้วยค่ะ รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/39Pe6wD
**ช่วงเวลาที่เราเดินทางคือ 31 ม.ค.-5 กพ ที่ผ่านมา อากาศหนาวถึงติดลบเลยละจ๊ะ เราได้ชุดกันหนาว และอุปกรณ์ จากร้าน >> @Winter Collection เช่าเสื้อกันหนาว เช่า-ขาย ชุดกันหนาว เช่าเสื้อโค๊ท โทร.095-9624514 ร้านน้องสาวแอดมินเอง แจ้งทางร้านว่ามาจากทางเพจฯ กันด้วยน๊า ชุดสวย แบบสวย ราคาไม่แพง จะเช่าหลายวันก็คุ้มจริงๆ จ้า ไปตำกันโล๊ดดดด**
***ในรีวิวแอดมินทำขึ้นเพื่อรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองต่างๆ ที่เราบินลงนาโกย่า แล้วจะไปไหนต่อดี ไม่ใช่ขายทัวร์นะคะ หากใครจะเดินทางในช่วงนี้ ทางเราขอแนะนำให้พกหน้ากาก เจลฆ่าเชื้อแบบไม่ต้องล้างมือติดตัวไปด้วยนะคะ ขอฝากรีวิวทริปนี้ไว้ด้วยค่ะ***

เริ่ม…เชคอิน พวกเราเดินทางเวลา 00.30 น.ของวันที่ 29 มค มาถึงเช้าวันที่ 30 มค ที่นาโกย่า ทริปนี้เดินทางด้วยสายการบินไทย ลงนาโกย่า เราเชคอินออนไลน์ แล้วมา โหลดกระเป๋าที่เคาเตอร์จะสะดวกกว่าค่ะ เราเลือกจองแบบ Economy ของสายการบิน ถึงจะชั้นประหยัด แต่สบายต่างกันจริง และรวมทุกอย่างแล้ว อาหาร เครื่องดื่มขอได้ตลอด เครื่องใหญ่ ที่นั่งกว้าง หนาวก็มีผ้าห่มให้กอด และใครที่ไม่ชอบนอนบนเครื่อง หน้าที่นั่งจะมีทีวี พร้อมหูฟังไว้ให้นั่งดูหนัง ฟังเพลงด้วยค่ะ รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/39Pe6wD

เคาน์เตอร์สายการบินเปิดทุกจุดค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าคนจะเยอะ

เครื่องใหญ่ เบาะกว้าง ยืดขาได้สบายหายห่วงง…

อาหารที่เสริฟบนเครื่องค่ะ น่าตาน่าทานมากก

มาถึงสนามบินนาโกย่า ของเช้าวันที่ 30 มค. หลังจากลงเครื่องทำธุระส่วนตัวกันแล้ว ก็เดินออกมาจากสนามบิน เลี้ยวซ้ายออกมาเดินข้าม Autowalk จะมีสถานีรถไฟ เราเดินเข้าไปซื้อตั๋วเพื่อไปลงสถานีนาโกย่า เพื่อนๆที่มาก่อนหน้านั้น 1 วันมารอรับพวกเราอยู่จ้า ค่าตั๋วคนละ 1250 เยน เราจองแบบเฟริสคลาส ที่จองแบบมีที่นั่ง และย่นระยะเวลาได้ถึงครึ่งชั่วโมง แต่นั่งแบบรถไฟธรรมดาจะคนละ 890 เยน ใช้ระยะเวลา เกือบชั่วโมงค่ะ

ทริปนี้เราใช้กระเป๋าใบใหญ่ 28 กก. 2 ใบ กับคน 3 คน เอาอยู่นะ ใช้ถุงสูญญากาศใส่เสื้อผ้าทั้งหมด แล้วอัดเข้ากระเป๋าใบนี้เลยจ้า กระเป๋าเดินทางของ My Escape รุ่น ELITE สีชมพูสวยใส มีมุมกันกระแทก พร้อมล้อหมุน 360 องศา มี TSA LOCK เปิดด้วยลายนิ้วมือเราเองเก๋กื๊ดดด และที่ชอบสุดคือมี Powerbank 20000 mAh มาให้ เสียบไว้ตรงคันชักกระเป๋าด้วย แต่อย่าลืมนำออกตอนโหลดกระเป๋ากันด้วยนะคะ แต่ถ้าเป็นใบเล็กแล้วถือขึ้นเครื่อง ก็ไม่ต้องจ้า สนใจสินค้า www.myescapebag.com , www.instagram.com/myescapebag ,
www.facebook.com/myescapebag

พอมาถึงสถานีนาโกย่า ก็ซื้อตั๋ว Nagoya Subway 24 Hour ใช้ได้ทั้งวัน เราซื้อแบบธรรมดา คนละ 760 เยน ที่เราซื้อ เพราะว่าวันนี้เราจะเที่ยวในนาโกย่า 1 วันเท่านั้น เพราะวันรุ่งขึ้นเราจะขับรถเช่า ออกนอกเมืองกัน
หลักจากซื้อตั๋วแล้วเอากระเป๋ามาฝากไว้ที่โรงแรมก่อน ชื่อโรงแรม Hotel Mystays Nagoya Sakae เดินจาก Subway ประมาณ 800 เมตรได้ค่ะ ทางโรงแรมให้เชคอินได้ตอนบ่ายสอง ในภาพเป็นห้องที่เราพักกัน ห้องแบบ 3 คน ห้องละประมาณเกือบ 2000 บาท

ที่แรกที่เราแวะก็คือ Oasis 21 อยู่ระหว่างทางเดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟ แวะมาถ่ายรูปด้านหน้า กันนน

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไปหาข้าวหน้าปลาไหลกินกันน…ร้านนี้อยู่ที่ ตึก Dai Nagoya ชั้น 3 ซิกเนเจอร์ของที่นี่ คือจะใช้ถ่าน Bincho ย่างปลาไหล ทำให้ไม่คาว เอาจริงๆ เราไม่เคยชอบกินเลย เพราะเคยกินแล้วมันคาวมากกก แต่ที่นี่บอกเลยคือดี…และราคาก็พอตัวจ้า 5555 ชุดละ 3400++เยน ตกเงินไทยคนละ ประมาน หนึ่งพันบาท!!! น้ำตาไหลแพรบบบ แต่มันอร่อยยย กินไปเห๊อะ…

ย่างปลาไหลโชว์กันด้านหน้าร้านเลยจ้า

ที่ต่อมาเรานั่งรถไฟมาที่ วัดโอสุคันนอน เป็นวัดสำคัญของเมืองนี้ ภายในวัดมีรูปแกะสลักไม้ของเจ้าแม่กวนอิม และบริเวณใกล้ๆ วัดจะมีแหล่งช๊อปปิ้ง ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านเสื้อผ้า หลายร้านมากๆ ได้ทั้งมาไหว้เจ้าแม่กวนอิม และช๊อปปิ้งไปด้วยเลย..
การเดินทาง นั่งรถไฟมาลงสถานี Osu Kannon ไม่มีค่าเข้าชม

นกพิราบภายในวัดเยอะมากๆ

แหล่งช้อปปิ้งบริเวณด้านข้างวัดค่ะ


จากนั้นเรามาซื้อตั๋วรถบัสที่สถานีนาโกย่า เพื่อไปดู Light up กันที่ Nabana no Sato คนละ 950 เยน ไปกลับคนละ 1900 เยน นั่งรถบัสประมาณ เกือบชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ
มาถึงซื้อตั๋วเข้าชมคนละ 2300 เยน ด้านในตั๋วจะมีคูปอง ให้ 1000 เยนไว้ซื้อของกินจากด้านในได้ค่ะ อากาศช่วงกลางคืนหนาวมากกกนะคะ เตรียมชุดกันมาให้พร้อมด้วยค่ะ

ด้านในมีหลายจุดให้ถ่ายรูปนะคะ

เทศกาลจัดแสดงไฟ ของที่นี่เรียกว่ายิ่งใหญ่อลังการกันเลยทีเดียว เตรียมกล้อง เตรียมพรอพให้พร้อม เปิดให้เข้าเข้าเป็นเวลา ตั้งแต่เดือนตุลาคม ที่ผ่านมาจนถึงพฤษภาคม ปีนี้เลยละค่ะ เวลาเข้าชม 17.30-21.00 น.





เช้าวันที่สอง วันนี้เราจะไปเกโระกันค่ะ เดินออกจากโรงแรมประมาณ 800-900 เมตร มารับรถที่เราเช่าเอาไว้ ทั้งหมด 5 วัน ของ Nippon Rent-A-Car

รถรุ่นโนอา รุ่นนี้จุมากกก พวกเรานั่งทั้งหมด 7 ที่นั่ง แถมกระเป๋าอีก 7 ใบ ขับแบบสบายๆ กันเลยละจ้า ค่าใช้จ่ายเช่ารถ พร้อมเช่ายางที่ใช้ขับหิมะ และประกันชั้น 1 ทั้งหมด 25,800.-บาท / 7 คน ตกคนละ 3690 บาท เท่านั้น ดีงามมมมากบอกเลย…

ยังเหลือกระเป๋าอีก 2 ใบ ที่ต้องใส่เข้าไปอีกก

พร้อมแล้วลุยยยยย

เราใช้เวลา ประมาณสามชั่วโมง เพราะขาไปเราไม่ได้รีบร้อนมาก เลยเลี่ยงทางด่วนกันค่ะ มาถึงโรงแรมประมาณ ก่อนบ่ายสองโมง เป็นโรงแรมแบบเรียวกัง ในเกโระ จ.กิฟุ ด้านหลังโรงแรมติดกับ แม่น้ำ วิวดีมากกก ที่พักของเราคืนนี้ ชื่อว่า Yamagataya ที่มีบ่อออนเซ็นรวมให้แช่ด้วย หากชอบความเป็นส่วนตัว ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างหากอีก 2200 เยน เก๋กู๊ดตรงแต่ละห้องจะมีชุดยูกาตะ ให้ใส่เพื่อความเป็นญี่ปุ๊น ญี่ปุ่นของเรา

เข้าที่พักก็เปลี่ยนชุดมานั่งจิบชากันจ้าาาา…

ออนเซ็นส่วนตัว ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างหากอีก 2200 เยน

ตรงที่นั่ง ช่วงหกโมงเย็น ทางโรงแรมจะมีปูที่นอนแบบเรียวกังให้ค่ะ ลืมถ่ายภาพมาให้ดู
ห้องพักเราจองแบบ 2 ห้อง ๆ ละ 4 คน เป็นตึกเก่า ไม่มีห้องอาบน้ำ ต้องไปอาบห้องรวม ออนเซ็นกัน ค่ะ เรียกว่าแก้ผ้า แก้ผ่อนกันเลยทีเดียว แต่อาบไปเลยจ้า ไม่มีใครสนใจใครแน่นอน ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 54400 เยน เงินไทย คนละ 2176 บาท

ช่วงเย็นมาเดินเล่น หาของกินกัน ในเมืองเกโระ ที่นี่ค่อนข้างสงบ มีชื่อในเรื่องบ่อน้ำร้อนนี่ละค่ะ เราถึงต้องมา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะสวมชุดยูคาตะไปเดินเล่นในเมืองกัน จากที่พักมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินมาได้ คือหมู่บ้านกัชโช จะคล้ายกับหมู่บ้านชิราคาวาโกะเลยละ แต่จะมีค่าเข้าชมคนละ 600 เยน ค่ะ แต่เราไม่ได้เข้าไปกันนะคะ




ด้านหลังโรงแรม หากจอดรถแล้วเดินเลียบสะพานแดง ลงมาจะเจอบ่อออนเซ็นแช่เท้าด้วยค่ะ


วันที่สาม วันนี้จริงๆ เราต้องเข้าที่พักที่ทาคายาม่าก่อน และอีกวันถึงจะไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ แต่ๆๆ เมื่อคืนดูรายงานจากเพจของหมู่บ้าน หิมะตก!!! แถมตกหนักมากกก เลยเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย คือมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเลย แล้วค่อยกลับมานอนบ้านพักที่จองไว้ในทาคายาม่า ค่ะ

พวกใช้เวลาเดินทางจากเกโระ มาที่หมู่บ้านประมาณ 3 ชม ระหว่างทางเจอหิมะตก ตลอดทาง มีวิวสวยๆ ข้างทางเพียบบบ จอดแวะถ่ายรูปกันก่อนแล้วค่อยไปจุดหมายของวันนี้มีอยู่ที่เดียวนี่ละ บอกแล้วทริปนี้เราสายชิว ไม่เน้นสถานที่เที่ยวเยอะ แต่เน้นเวลาในแต่ละสถานที่กันค่ะ

ระหว่างทางบอกเลยว่าสวยมากกกกก


เวลาเหลือๆ แวะจุดพักรถ เล่นหิมะยังได้จ้าาาา





ถึงแล้วววจ้า…เมืองในฝันที่ฉันอยากมา หมู่บ้านชิราคาวาโกะ วันนี้หิมะตกนะ แต่มันยังไม่เยอะไม่ถึงกับฟูฟ่องอลังการ แต่มันดีต่อใจ เชื่อมั้ยว่าระหว่างทางนี่กรี๊ดตลอดเวลา 555555 ได้แค่มาเห็น มาเดิน มาถ่ายรูปก็ดีต่อใจแล้วววว

สะพานจากที่จอดรถเดินเข้าหมู่บ้าน




หิมะกำลังโปรยปรายเลยละ


โชบะชามละ 900 เยน พอแก้หิวและแก้หนาวได้ดีเลยย

มุมนี้ต้องเดินขึ้นทางหลังหมู่บ้านขึ้นมานะคะ แต่พวกเราขับเข้ามากันจ้า ตรงจุดชมวิวเลยค่ะ

ช่วงเย็นขับรถกลับมานอนที่ทาคายาม่ากัน บ้านพักที่พวกเราจองไว้ คือ Tomato Villa Takayama เป็นบ้านทั้งหลังเลยจ้า ดีงามมาก เดินเข้ามาจะมี้ห้องโถง พร้อมครัวและโต๊อาหาร ห้องนอนมีด้านบน 3 ห้องนอน แบบเตียง 2 ห้องและ ปูพื้น 1 ห้อง ห้อง มีฮีทเตอร์ให้ห้องละ 1 ตัว อุ่นๆ ไปจ๊ะ มีเครื่องซักผ้าให้ด้วยจ้า

ห้องโถง และห้องครัว

ห้องนอน ชั้นบน มีทั้งหมด 3 ห้อง

ด้านในสุดเป็นแบบนอนพื้นค่ะ ที่นอนสะอาด หอมฟุ้งเลย แนะนำเลยค่ะ Tomato Villa Takayama ราคา 2 คืน ทั้งหมด 9703 บาท ตกคนละ 1387 บาท



ที่บอกว่าเราใช้งบกันไม่เยอะเพราะเราทำกินกันเอง หลายมื้ออยู่นะ แวะซื้อของที่ซุปเปอร์มารฺเก็ตก่อนเข้าบ้านนิดนึง แล้วกลับมาทำกิน คือทริปมันจะสนุกก็พักแบบนี้ละ คือดีชอบบบบ


เช้าวันที่สี่ ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนกันดี เพราะแผนไปดู light up ที่หมู่บ้านชิราฯ ล่ม เพราะต้องจองก่อนนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นเข้าไม่ได้เน้อ สรุปเช้านี้เราไปเดินตลาดเช้าทาคายาม่า กันก่อน ที่นี่

เมืองเก่าทาคายาม่า คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่เห็นเยอะสุดก็คนไทยนี่ละจ้า อาคารบ้านเรือนของที่นี่น่ารัก และยังความคลาสสิคไว้อยู่





ถัดมาจะเป็นตลาดเช้า มิยากาวะ อยู่ริมแม่น้ำมิยากาวา จะเป็นร้านขายของทั้งสองข้างทาง ด้านนึงจะเป็นร้านแบบเก็บได้ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขนมเล็กๆ น่ารักๆ ความอร่อยก็น่ารัก ส่วนอีกด้านจะเป็นร้านค้าที่อยู่ในอาคารค่ะ

ด้านล่างของแม่น้ำมีที่ลงไปยืนเล่น ถ่ายรูปได้นะคะ น้ำใสมากกก

ขนมอร่อยๆ ที่ตลาดเช้า

กาแฟร้านนี้คิวยาวมากกกก กินได้ตั้งแต่กาแฟไปจนถึงถ้วยกาแฟเลยทีเดียวว

หลังจากกลับมาจากตลาด พวกเราตัดสินใจกันละว่าจะไป Shinhotaka Ropeway เราจะไปนั่งกระเช้าขึ้นไปเล่นหิมะกันบนเขา…เย้

ที่นี่อยู่ห่างจาก ทาคายาม่าประมาณ 1 ชั่วโมง กว่าเราจะไปถึงกันเกือบบ่ายสามโมงแล้ว เลยต้องรีบขึ้น กระเช้ากันค่ะ แนะนำหากมาที่นี่แล้วมีเวลาถ่ายรูปเยอะๆ ให้มาก่อนเที่ยงนะคะ ค่าขึ้นกระเช้าคนละ 2900 เยน นั่งทั้งหมด 2 ช่วง ช่วงแรกยังไม่เท่าไหร่ แต่ช่วงสองนี่แบบ อือหื้อ อะห้า มากกก โอยยยย เรียกว่าสวยบาดใจมากกกกก ชอบบบ ทริปนี้ ยกให้ที่นี่คือเดอะเบสเลยจ้า



ถึงแล้วววว ด้านบนคือลมแรงมากก และหนาวมากเช่นกัน ประมาณ -3 ถึง -8 องศา คือมันหนาวถึงขนาดใส่ถุงมือแล้ว เหมือนมือมันจะจะแตกอะทุกคน ฮืออออ…แต่สวยจริง


ด้านหลังมีทางให้เดินลงไป แค่ก้าวแรกก็ลื่นแล้วจ้าแม่!!!! ล้มไม่รู้กี่ครั้งแต่ไม่เจ็บบอกเลยยย 55555 เพราะบรรยากาศมันสวยจริงๆ โอยยยยย สวยยยย…พวกเราอยู่กันจนกรุ๊บสุดท้ายที่ได้ลงมา คือ 16.30 น. จ้า







วันที่ห้า วันนี้เราจะไปนากาโนะกันนนน ใช้เวลาเดินทางจากทาคายาม่า ไปประมาณ 3 ชั่วโมง ไปค่ะลุยยยย ที่แรกที่มาคือ snow dome Village กระท่อมอียามะ เหมือนที่เอสกิโมนั่นเองงง แต่ที่นี่ไม่ได้เป็นที่พักนะคะ แต่เป็นที่นั่งกินชาบูจ้า แต่หากใครไม่ด้จองชาบู สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ค่ะไม่มีค่าใช้จ่าย หรือใครพาเด็กไปเล่นที่ลากเลื่อน ก็คนละ 100 เยนจ้า

ด้านในโดม เป็นที่นั่งกินชาบูค่ะ



ที่ต่อมาคือ ศาลเจ้าโทงาคุชิ อยู่ในป่าบนภูเขาของเมืองนากาโนะเลยค่ะ ระหว่างทางเดินเข้าศาลเจ้าประมาณ 1.9 กม. เป็นทางเดินหิมะตลอดทาง คือที่นี่นอกจากจะมาไหว้ศาลเจ้าแล้ว ที่นี่ยังมีจุดถ่ายรูปที่เป็นแนวต้นสนอยู่ตรงด้านหลังอีกด้วยค่ะ

มองไปทางไหนก็จะเจอแต่หิมะเต็มไปหมดด


ทิวสนที่เป็นทางเดิน ด้านหลังศาลเจ้า ค่ะ

และคืนนี้พวกเรามาพักกันที่ Hakuba เป็นอพาร์ทเมนท์ชื่อว่า Bluebird Apartment ชื่อกับบ้านไม่ได้คล้องจองกันเลย เพราะว่ามันดีมากกก เป็นบ้านพักที่ด้านหน้าเห็นูเขาหิมะทั้งลูกภายในบ้านมีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน 3 ห้อง เครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมเลยละค่ะ ราคาคืนละ 15512 บาท เงินไทยคนละ 2220 บาทเท่านั้น แต่ดีงามมมม จริงๆ มื้อเย็นของพวกเราก็เช่นเคย ไปซื้อมาทำกินกันเองจ้า

ห้องโถงนั่งเล่น


ห้องนอนใหญ่

ห้องนอนรวม นอนได้ 4 คน

มื้อเย็นทำชาบูกินกันนน อร่อยมากกก ที่นี่กลางคืนหิมะตกด้วยค่ะ

จานเด็ดดด…

วิวหน้าบ้านยามเช้า….
วันที่หก วันนี้พวกเราต้องกลับกันแล้ว…ไวมากกก เหมือนยังอยากอยู่ต่อนานๆ
มารอบนี้ถือว่าคุ้มสุด ชอบสุดคือได้ขับรถเที่ยว อยากแวะไหนก็ได้แวะ ตรงไหนสวยก็แวะ คิดว่า Road Trip ครั้งนี้ดีมากกจริงๆ อยากให้ได้มากันแบบนี้นะทุกคน

หลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จ เราจะไปจิบกาแฟบนเขากันที่ Hakuba Happo- One Snow Resort ใช่จ๊ะ คนอื่นเค้ามาเล่นสกี แต่พวกเรามากินกาแฟกันนนน 5555 ค่าขึ้นกอนโดล่า ไปกลับคนละ 1800 เยน แต่ๆๆๆ มันยังไม่ถึงยอดเขานะ ต้องขึ้นไปนั่งกระเช้าอีกคนละ 600 เยน จ้า แต่มาแล้วเห๊อะ ขึ้นมากันนน




วิวระหว่างทางจ๊ะแม่!!!!! เกินบรรยายไปมากจริงๆ

เกินเรื่องไปมากกกก



ถึงแล้วววว คาเฟ่ ของพวกเรา 55555 ที่เค้าบอกกันว่า จิบกาแฟแล้วสดชื่นเหมื่อนยืนบนไหล่เขา มันเป็นแบบนี้นี่เองงง

ราคาเครื่องดื่มและอาหารด้านบนไม่แพงนะคะ

ปิดทริป 6 วัน 5 คืน กับพวกเราทั้ง 7 คน กันที่นี่ ก่อนจะรีบออกจากที่นี่ไม่เกินกับบ่ายโมง เพราะเราต้องไปคืนรถและนั่งรถไฟไปสนามบินค่ะ…
เรื่องราวระหว่างทาง ในทริปนี้มันบอกเป็นคำพูดออกมาใครอ่านจะว่าเวอร์ 5555 แต่เชื่อเห๊อะว่าใครที่ยังไม่เคยมา มันจะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ถึงนี่จะเป็นญี่ปุ่นรอบที่ 4 ของเราแล้วก็ตาม…กลับบ้านมาหาเงินไปใหม่ๆๆๆ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
